วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นมแก้วนั้น

นมแก้วนั้น

มีเรื่องเล่าว่ามีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งต้องหาเงินเรียนหนังสือเองด้วยการออกขายของตามบ้าน วันหนึ่งเมื่อเขารู้สึกหิวและก็พบว่าเงินที่มีติดตัวอยู่นั้นเป็นเพียงเศษเหรียญอันหนึ่งเท่านั้น ไม่พอที่จะซื้ออาหารเพื่อบรรเทาความหิวของเขาได้ เขาจึงตัดสินใจว่าเมื่อไปถึงบ้านถัดไปจะลองขออาหารจากเจ้าของบ้านนั้น แต่เมื่อเจ้าของบ้านสาวสวยมาเปิดประตู เขาก็ไม่กล้าขออาหารกลับขอเพียงน้ำดื่มเพียงแก้วเดียว


เมื่อเจ้าของบ้านเห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าเขาต้องหิวข้าวอย่างแน่นอน จึงให้นมแก้วใหญ่แก่เขา เด็กคนนั้นค่อยๆดื่มนมแก้วนั้นจนหมด และถามว่า “ผมเป็นหนี้คุณเท่าไรครับ”

“หนูไม่ได้เป็นหนี้ฉันหรอก คุณแม่สอนว่าไม่ให้รับเงินเป็นค่าตอบแทนสำหรับความเมตตากรุณาที่หยิบยื่นให้แก่คนอื่น” หญิงสาวคนนั้นตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เขาจึงกล่าวขอบคุณหญิงสาวคนนั้นอย่างนอบน้อม และเมื่อโฮเวิร์ด เคลลีเดินจากบ้านนั้นไป เขาไม่เพียงแต่รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นเท่านั้น แต่ความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าและในมนุษย์ก็มีมากขึ้นด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มันหมดไปนานแล้ว

หลายปีต่อมาหญิงสาวคนนั้นป่วยหนัก แพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถหาทางเยี่ยวยาเธอให้หายได้ เธอถูกส่งไปที่โรงพยายาลในเมือง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาถูกเรียกตัวให้มาวินิจฉัยอาการป่วยของเธอซึ่งไม่ค่อยมีคนเป็นอย่างจริงจัง และนายแพทย์โฮเวิร์ด เคลลีก็เป็นคนหนึ่งในทีมงานนั้น เมื่อเขาได้ยินว่าเธอมาจากเมืองอะไร นัยน์ตาของเขาก็ฉายแววประหลาด ทันใดนั้นเองเขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องพักของเธอ

เมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้น เขาจำเธอได้ทันที แล้วเขาก็เดินกลับมาที่ห้องทำงาน และตั้งใจว่าจะหาทางช่วยชีวิตของเธอจนสุดความสามารถทีเดียว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็เอาใจใส่คนไข้รายนี้เป็นพิเศษ หลังจากที่ปล้ำสู้อยู่นาน ในที่สุดเธอก็หาย นายแพทย์โฮเวิร์ดขอให้แผนกบัญชีส่งใบเรียกเก็บเงินให้เขาเพื่อตรวจดูความถูกต้อง เขาตรวจดูและเขียนข้อความไว้ที่มุมหนึ่งของใบเรียกเก็บเงินนั้น แล้วจึงให้พนักงานส่งไปให้เธอ เมื่อเธอได้รับใบเรียกเก็บเงิน เธอไม่กล้าที่จะเปิดออกดูเพราะรู้ว่าคงเป็นยอดเงินมหาศาลและเธอคงต้องใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อหาเงินจำนวนนั้นมา แต่ในที่สุดเมื่อรวบรวมความกล้าได้แล้วก็เปิดออกดู และข้อความที่มุมของกระดาษแผ่นนั้นก็เตะตาของเธอ

ข้อความนั้นเขียนว่า...“ชำระเรียบร้อยแล้วด้วยนมแก้วหนึ่ง”

ลงชื่อ นายแพทย์โฮเวิร์ด เคลลี

น้ำตาแห่งความปีติยินดีไหลอาบแก้มเมื่อเธออธิษฐานว่า “ขอบพระคุณพระเจ้า ที่ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้ปรากฏด้วยใจและมือของมนุษย์”
ท่านคงไม่ปฏิเสธนะว่าอิทธิพลของความรักยิ่งใหญ่มาก (ดู 1 โครินธ์ 13:13)

ท่านเคยหยิบยื่นความรักให้แก่ใครบ้างหรือเปล่า? อย่าดูหมิ่นสิ่งเล็กน้อย ใครจะคิดว่านมเพียงแก้วเดียวจะมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับเด็กเล็กๆคนหนึ่งได้มากเท่านี้ แน่ใจว่าเมื่อหญิงสาวคนนั้นให้นมแก้วนั้นแก่เด็กชายโฮเวิร์ด เคลลี เธอคงไม่รู้ว่าการกระทำของเธอมีความหมายต่อจิตวิญญาณของเขามากเพียงใด เธอได้เป็นพยานที่ดีถึงพระเยซูคริสต์ด้วยการกระทำของเธอ และด้วยนมแก้วนั้นที่ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากนักสามารถหล่อหลอมจิตใจของเด็กเล็กๆคนหนึ่งให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเขาก็ได้สำแดงความรักนั้นต่อคนอื่นๆ เพื่อพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับเกียรติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น