วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ขำขัน

เรื่องขำขัน

สุทัศนาพาหมาไปหาสัตวแพทย์
เมื่อหมอตรวจหมาแล้วเห็นว่ามีอาการปกติทุกอย่าง จึงถามเจ้าของหมาว่า “มันเป็นอะไรหรือครับ?”
“หมากัดเมียผมครับ” สุทัศนาตอบ
“อ้าว ทำไมไม่พาภรรยาของคุณมาล่ะ?” หมอถามงงๆ “จะได้ฉีดยากันพิษสุนัขบ้า”
“มันกัดไม่เข้าครับ”
“แล้วพาหมามาหาหมอทำไมครับ?”
สุทัศนาตอบว่า “อยากจะให้หมอช่วยลับเขี้ยวของมันให้คมกว่านี้ครับ”
???!!
ข้อพระคัมภีร์ : อฟ. ๕.๒๕ “ฝ่ายสามีจงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร”

เช้าอาทิตย์นี้ครูรวีวารศึกษาเริ่มต้นสอนเรื่องสวรรค์ เพื่อปลุกเร้าความสนใจของพวกเด็กๆ จึงตั้งคำถามขึ้นว่า
“ถ้าครูรับใช้พระเจ้าเยอะๆจะได้ขึ้นสวรรค์ไหม?
ดช.เอตอบว่า “ไม่ได้ครับ”
“ถ้าครูไปโบสถ์ทุกๆอาทิตย์จะได้ไปสวรรค์ไหม?”
ดญ.บีตอบว่า “ไม่ได้ค่ะ”
“งั้นถ้าครูขายทุกสิ่งทุกย่างแล้วยกเงินนั้นให้แก่โบสถ์ ครูจะเข้าสวรรค์ได้ไหม?”
ดญ.ซีตอบ “ไม่ได้หรอกค่ะ”
“อ้าว งั้นครูจะต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าสวรรค์ได้?”
เด็กทุกคนตอบพร้อมกัน “ครูต้องตายก่อน”

ประวิทย์ : ตั้งแต่ศิษยาภิบาลเทศนาบ่อยๆเรื่องการถ่อมใจลงรับใช้ผู้อื่นนี่ ไม่ค่อยเห็นหน้าคุณที่โบสถ์เลย มีอะไรไม่สบายใจอะปล่าว?
ประวัง : เฮ่อ น่าเบื่อว่ะ ไม่รู้ว่าใครใหญ่กว่าใคร
ประวิทย์ : อ้าว ตอนนี้พวกที่มีปัญหาทั้งหลาย ก็พากันถ่อมใจกุลีกุจอรีบออกมาบริการกันใหญ่แล้วนี่
ประวัง : นั่นแหละ เพราะอาจารย์ยกพระธรรมมัทธิว ๒๓.๑๑ ขึ้นมาเทศน์ว่า ผู้ใดที่อยากเป็นใหญ่ ผู้นั้นต้องเป็นผู้รับใช้ ตอนนี้พวกนั้นจึงแย่งกันรับใช้ เพราะอยากจะเป็นใหญ่กัน
ประวิทย์ : ??? !!

เคยมีเพลงลูกทุ่งสมัยก่อนโน้น สอนให้สามีที่แอบมีกิ๊กเป็นคนโกหกภรรยา มีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า
“ทำก็อย่าให้รู้ รู้ก็อย่าให้เห็น เห็นก็อย่าให้จับได้ จับได้ก็อย่าไปรับ แต่ถ้าจะรับ รับเพียงครึ่งเดียว”
ภรรยานั้นแตกต่างจากผู้พิพากษา เพราะถ้าจำเลยยอมรับสารภาพ ศาลท่านจะเมตตาลดให้กึ่งหนึ่ง แต่สำหรับภรรยา ถ้าสามีสารภาพ บทลงโทษจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!
วิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือ มีความซื่อสัตย์ต่อภรรยาของตน
ข้อพระคัมภีร์ : สภษ. ๕.๑๕-๑๘ “จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง...จงให้น้ำพุของเจ้าได้รับ
พร และเปรมปรีดิ์อยู่กับภรรยาคนที่เจ้าได้เมื่อยังหนุ่มนั้น”

ในสุสานมีพิธีฝังศพของหญิงคนหนึ่ง เมื่อศิษยาภิบาลได้ทำพิธีเสร็จแล้ว พวกสัปเหร่อก็ช่วยกันยกโลงศพลงหลุมที่ข้างกำแพง บังเอิญพวกเขายกเร็วไปหน่อยทำให้โลงศพกระแทกเข้ากับกำแพง และมีเสียงครางของผู้หญิงดังออกมา ทำให้พวกเขารีบเปิดโลงอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าเธอได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย
ผู้หญิงคนนี้มีชีวิตอยู่ต่ออีกห้าปี ในวันที่ต้องฝังศพเธออีกครั้ง เมื่อศิษยาภิบาลทำพิธีเสร็จแล้ว พวกสัปเหร่อก็ช่วยกันยกโลงลงหลุม ทันใดนั้น สามีของเธอก็ร้องตะโกนขึ้นว่า “ระวัง ระวัง อย่าให้กระแทกกำแพงเด็ดขาด
ศิษยาภิบาลเฉยรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นว่า เช้าวันอาทิตย์นี้มีสมาชิกมาโบสถ์เพียงคนเดียว เขามีอาชีพเป็นคนเลี้ยงวัว อาจารย์รู้สึกท้อใจมากซึ่งแสดงออกมาทางสีหน้าชัดเจน
“ผมเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์ดีครับ” สมาชิกขยับเข้าไปหาศิษยาภิบาล “ผมเป็นคนเลี้ยงวัว แม้ว่าจะมีเพียงตัวเดียว ผมก็ยังจะให้หญ้าแก่มัน”
ทันใดนั้น คำพูดของสมาชิกทำให้กำลังใจของศิษยาภิบาลเฉยมาเป็นกอง เขาออกไปยืนที่หลังธรรมาสน์และเทศนาพระวจนะของพระเจ้า ร้อนรนและจริงจัง จนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่ง แต่ยังไม่มีท่าทีว่าอาจารย์จะจบคำเทศนาลงอย่างง่ายๆ
สมาชิกจึงยกมือขึ้นขัดจังหวะ “อาจารย์ครับ ถ้าผมมีวัวอยู่เพียงตัวเดียว ผมรู้ว่าจะต้องให้หญ้าแก่มันเท่าไหร่ เพราะให้มากไปมันจะไม่กิน และแถมจะเหยียบย่ำอีกด้วย”
ศิษยาภิบาลเฉย “???!!”
ข้อพระคัมภีร์ : อฟ. ๕.๑๕ “อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา”

ขณะที่ผู้คุมร่างใหญ่เดินส่ายอาดๆไปท่ามกลางเหล่านักโทษคดีอุจฉกรรจ์ ที่นั่งยองๆอยู่บนพื้นสนามหน้าโรงนอน พอดีสายตาก็เหลือบไปเจอกับนักโทษคนหนึ่ง หน้าตาดี ท่าทางเรียบร้อย ไม่เหมือนกับพวกวายร้ายอื่นๆ
“หน้าตาอย่างเอ็งนี่ไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย” ผู้คุมพูดพร้อมกับชี้กระบองไปที่หน้า “โดนข้อหาอะไรล่ะเรา?”
“ขับรถช้าครับ” นักโทษตอบ
ผู้คุมมีสีหน้างงๆ “เฮ้ย ขับรถช้ามันไม่เห็นผิดกฎหมายเลยนะ”
นักโทษตอบว่า “ถ้าผมขับรถเร็วก็กว่านี้ก็คงไม่ถูกจับในข้อหาปล้นธนาคารครับ”
???!!


ศิษยาภิบาลอเนกไปยี่ยมสมาชิกผู้อาวุโส ที่นอนผะงาบๆอยู่บนเตียงในห้อง ICU มีสายระโยงระยางเต็มไปหมดที่ศีรษะ ที่จมูก ที่แขนและที่บริเวณท้อง คนป่วยทำท่าอึกอัดเหมือนจะพูดอะไร จึงทำสัญญาณและกวักมือเรียกลูกสาวคนเล็ก เธอรีบคว้าปากกาและกระดาษให้ผู้เป็นพ่อ
ชายชราเขียนขยุกขยิกอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นส่งให้แก่ศิษยาภิบาล อาจารย์อเนกรับมาแล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อทันที
ในวันฝังศพที่สุสาน อาจารย์อเนกก้าวขึ้นไปยืนหน้าที่ประชุมพร้อมกับพูดว่า “ก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิต ท่านได้เขียนข้อความบางอย่าง ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความลับและเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย ผมจึงรีบเอาใส่กระเป๋าเสื้อโดยที่ยังไม่ได้อ่านเลย...วันนี้เราจะมาอ่านพร้อมๆกันนะครับ
พอคลี่กระดาษออก เขาก็พบข้อความที่เขียนว่า
“กรุณาถอยไปหน่อย อาจารย์กำลังเหยียบสายออกซิเจนอยู่ ผมหายใจไม่ออก


หญิงสาวพาร่างอันมีส่วนเกินข้าไปในคลีนิคเพื่อความงามแห่งหนึ่ง เธอต้องนั่งรอนานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้พบกับแพทย์เฉพาะทางที่มีชื่อเสียง
“หมออยากจะแนะนำวิธีออกกำลังกายที่ได้ผลดีที่สุด” นายแพทย์เอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นร่างเทพธิดาช้าง
คนไข้ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณหมอ ดิฉันเคยไปสถานฟิตเนส เคยกินยาลดความอ้วน และเคยไปให้หมอเลาะไขมันออก แต่ไม่นานมันก็กลับมาเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ” “หมออยากจะแนะนำวิธีลดความอ้วนภายในเวลาสองสัปดาห์”
“ทำยังไงคะ?” หมอส่ายหน้าไปมา...พร้อมกับบอกคนไข้ว่า “ทำเพียงแค่นี้แหละ” (ส่ายหน้าไปมา)
“แค่ส่ายหน้าไปมานี่นะหรือคะ” เธอถามด้วยความฉงน “ทำไมง่ายจัง”
“ใช่ ง่ายๆแบบนี้แหละ เวลาเห็นอาหารมันๆก็ส่ายหน้า เห็นของหวานๆก็ส่ายหน้า” หมอว่า
หญิงสาว “???!!”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น