วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กิน

โดย ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์


"กินกับหลับ"คุณจะเลือกอะไร?

"พ่อฉันบอกไว้ว่า ในโลกนี้มีคนอยู่ 2 ประเภท หนึ่งคือผู้ให้ และสองคือ
ผู้รับ ผู้รับนั้นอาจกินดีกว่า แต่ผู้ให้หลับสนิทกว่า" (My father said
there were two kinds of people in the world: givers and takers. The
takers may eat better, but the givers sleep better.) - Marlo Thomas -

ผมว่าข้อคิดข้างต้นน่าสนใจทีเดียว แต่จริงหรือที่โลกนี้มีคนแค่ 2 ประเภท?

จริงหรือที่มีคนกลุ่มหนึ่งเอาแต่รับโดยไม่เคยให้อะไรเลย และในขณะเดียวกัน
มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่รับอะไรจากใคร นอกจากให้อย่างเดียว?
ในโลกแห่งความเป็นจริง คงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แต่คงจะมีคนประเภทหนึ่งที่มุ่งจะรับมากกว่าให้ ในขณะที่คนอีกประเภทหนึ่ง
ให้คุณค่าของการให้สูงกว่าการรับ

หากว่ามีบางคนเอาแต่รับ ในขณะที่มีบางคนเอาแต่ให้แก่ผู้อื่น
โดยไม่ยอมรับอะไรเลย
คนประเภทแรกอาจเป็นคนเห็นแก่ตัวที่พบเห็นได้ทั่วไปในสังคม
ส่วนคนประเภทหลัง
ถ้าไม่ใช่คนขาดสติก็ต้องเป็นวีรบุรุษผู้เป็นแบบอย่างแห่งการเสียสละ

จริงๆแล้วหลักจริยธรรมแห่งการให้เป็นหลักธรรมหลักที่ประจักษ์ชัดในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
โดยมีหลักการพื้นฐานข้อหนึ่งคือ "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง"

หากว่าหัวใจของ "ความรัก" คือ "การให้" เราก็อาจจะพูดใหม่ได้ว่า
"จงให้แก่เพื่อนบ้านเหมือนให้แก่ตนเอง" นั่นคือ
คนเราต้องรู้จักรักตัวเองให้ถูกต้องก่อน
จึงจะรักคนอื่นอย่างถูกต้องได้เช่นกัน
หรือต้องรู้จักให้แก่ตัวเองหรือครอบครัวของตนอย่างเหมาะสมก่อน
จึงจะให้แก่ผู้อื่นอย่างเหมาะสมได้เช่นกัน

คนที่ "ให้" และ "รับ" ความรักเป็น จะเป็นสุข
คนที่รู้จักแต่รับๆโดยไม่ยอมให้ จะโดดเดี่ยว และเป็นทุกข์
เพราะคงไม่มีใครจะให้เราได้ทุกเรื่อง ทุกเวลาเสมอไป

ในทำนองเดียวกัน คนที่รู้จักแต่ให้ๆโดยไม่ยอมรับ
จะเป็นที่น่ารำคาญของคนอื่น และจะเป็นทุกข์เช่นกัน
เพราะผู้ที่รับจากเราตลอดเวลาโดยที่ไม่มีโอกาสให้อะไรแก่เราเป็นการตอบสนองบ้างเลย
จะรู้สึกอึดอัด จนหงุดหงิดเช่นกัน

ดังนั้น จึงย้ำอีกครั้งว่า คนเราต้องรู้จักทั้งการให้และการรับ
และจริงๆแล้วไม่ว่าจะให้หรือจะรับ
ถ้ากระทำด้วยความเต็มใจก็ล้วนแต่นำมาซึ่งความสุขทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่าองค์พระเยซูคริสต์ตรัสชัดเจนว่า..."การให้ก็เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"

ฉะนั้นหากเป็นจริงตามที่คุณ Marlo Thomas กล่าวไว้
การรับจะนำความสุขระดับ "กินดี-อยู่ดี" มาให้ ส่วนการให้
จะนำความสุขระดับ "หลับดี-หลับสนิท" มาให้

จึงขึ้นอยู่กับตัวของคุณว่า คุณจะเลือกความสุขระดับใด?
แต่หากคุณถามยอดปราชญ์อย่างปัญญาจารย์ในสมัยโบราณ
ท่านจะตอบคุณชัดแจ้งดังนี้ว่า

"การหลับ ของกรรมกรก็ผาสุก ไม่ว่าเขาจะได้กินน้อยหรือได้กินมาก
แต่ความอิ่มท้องของคนมั่งมีก็ไม่ช่วยเขาให้หลับ" (ปัญญาจารย์ 5:12)

ดังนั้น หากผมต้องเลือก คุณคงรู้แล้วนะครับว่า ผมจะเลือกอะไร?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น