วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

จงนิ่งเสีย

ท่ามกลางปัญหา พระเจ้าตรัสว่า “จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า”
จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า... – สดุดี ๔๖:๑๐
คุณเคยประสบปัญหาหนักจนไม่สามารถอยู่นิ่งได้เลยหรือไม่ แม้คุณจะอยู่ในห้องเงียบๆ เพียงคนเดียว แต่เสียงต่างๆ กลับดังก้องหูคุณอยู่ตลอดเวลา สมองของคุณถูกกระหน่ำด้วยความคิดถึงสิ่งที่ร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจและหัวใจของคุณ ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากบาก” (ข้อ ๑) แต่การที่จะให้พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย เป็นกำลังและเป็นความช่วยเหลือ คุณต้องทำสิ่งที่ผู้เขียนสดุดีทำ ท่านกล่าวว่า “ฉะนั้นเราจะไม่กลัว แม้ว่าแผ่นดินโลกจะเปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าภูเขาทั้งหลายจะโคลงเคลงลงสู่สะดือทะเล” (ข้อ ๒) านตัดสินใจว่า แม้โลกจะถล่มทลาย แต่หากพระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย ท่านจะไม่กลัว ความกลัวคือศัตรูบ่อนทำลายความเชื่อ และเพราะคุณได้รับสิ่งใดก็ตามจากพระเจ้าโดยความเชื่อ เมื่อความเชื่อถูกบ่อนทำลาย คุณจะพลาดจากการได้รับจากพระเจ้า
มธ. ๑๔:๒๔-๓๒ กล่าวถึงเรื่องราวขณะที่สาวกของพระเยซูเผชิญกับคลื่นลมรุนแรงที่ซัดจนเรือโคลง ก่อนที่พระเยซูจะทรงกระทำให้ลมสงบลง พระองค์ตรัสว่า “ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย” และหากชีวิตคุณประสบกับคลื่นลม ก่อนที่พระองค์จะทรงกระทำให้ลมสงบลง พระองค์ตรัสกับคุณวันนี้เช่นกันว่า “ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย” หรืออีกนัยหนึ่ง “จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า อย่ากลัวเลย”
เมื่อพระเจ้าเสด็จมาช่วย ไม่ได้หมายความว่าลมจะนิ่งสงบทันที เมื่อพระเยซูเสด็จมาบนน้ำ ลมยังคงพัดแรง ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง หลายคนพลาดที่จุดนี้คือ เมื่ออธิษฐานแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดใดเกิดขึ้น ก็เลิกเชื่อ และปล่อยให้ความกลัวครอบงำและบ่อนทำลายความเชื่อต่อไปพระองค์เสด็จไปหาพวกเขาเพื่อให้พวกเขามองพระองค์ แทนที่จะมองปัญหา พระเจ้าทรงประสงค์ให้คุณมองพระองค์ แทนที่จะมองปัญหาเช่นเดียวกัน
ท่ามกลางสาวกทั้งหมด เปโตรเป็นเพียงคนเดียวที่มองพระองค์ด้วยความเชื่อ เขาเชื่อพระวจนะของพระองค์ที่ตรัสว่า “มาเถิด” เขาเชื่อว่าคำสั้นๆ ของพระองค์สามารถทำให้เขาก้าวอย่างมั่นคงได้ท่ามกลางคลื่นลม เบื้องหน้าของเขาคือคลื่น เขากำลังจะทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขามองพระองค์ เชื่อพระวจนะของพระองค์ และเปโตรก็ก้าวลงบนน้ำไปหาพระองค์ ชีวิตของคุณอาจถึงทางตัน ข้างหน้าเป็นคลื่นที่รุนแรง แต่หากคุณวางใจในพระวจนะ คุณจะก้าวต่อไปได้ท่ามกลางปัญหาที่ซัดกระหน่ำเข้ามาในชีวิตคุณ
เปโตรกำลังไปได้ด้วยดี หลายคนบนเรือแทบไม่เชื่อสายตาว่า เปโตรกำลังเดินบนน้ำและกำลังเดินต่อไปเรื่อยๆ เป็นภาพที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง อีกไม่กี่ก้าวเขาจะไปถึงพระองค์อยู่แล้ว แทนที่เขาจะมองพระองค์ต่อไป เขากลับไปมองลมที่กำลังพัดอย่างรุนแรง ความกลัวได้เข้าครอบงำและบ่อนทำลายความเชื่อของเขา เป็นเหตุให้เขากำลังจะจม พวกเราบางคนก็เช่นกัน อาจจะทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ คือก้าวไปบนพระวจนะท่ามกลางคลื่นลมแรงในชีวิต ดูเหมือนว่าเรากำลังไปได้ดีท่ามกลางปัญหา แต่แทนที่เราจะมองพระองค์และเชื่อพระวจนะจนถึงที่สุด เนื่องจากคลื่นลมยังคงแรงเหมือนเดิม เราเริ่มมองคลื่นลมแทนที่จะมองพระองค์ ทั้งๆ ที่อีกไม่นานคลื่นลมกำลังจะสงบลงแล้ว เรากลับปล่อยให้ความกลัวก่อให้เกิดความสงสัยและบ่อนทำลายความเชื่อ จนเรากลับไปจมอยู่กับปัญหาเหมือนเดิม

พระเยซูตรัสถามเปโตรว่า “ท่านสงสัยทำไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” จากพระวจนะของพระองค์ ความกลัวก่อให้เกิดความสงสัย และบ่อนทำลายความเชื่อ หลังจากพระองค์กับเปโตรขึ้นเรือแล้ว ลมก็เงียบลง อันที่ จริง เปโตรสามารถเดินไปหาพระองค์และเดินกลับขึ้นเรือกับพระองค์ และลมก็เงียบสงบลงได้ และนั่นคือน้ำพระทัยของพระองค์ แต่ท่านพลาดเพราะมองปัญหาและปล่อยให้ความกลัวครอบงำ

ท่ามกลางปัญหา พระเจ้าตรัสว่า “จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า”
ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาใด อย่าเข้าใจว่าพระเจ้าได้เสด็จจากคุณไป พระองค์ยังคงประทับอยู่เบื้องหน้าคุณ ประทับอยู่กับคุณและประทับอยู่ในชีวิตคุณ อย่าหวาดกลัว แต่จงนิ่งเสีย และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ก้าวไปกับพระองค์ด้วยความเชื่อในพระวจนะของพระองค์ท่ามกลางปัญหา แม้ปัญหาจะรุนแรงเพียงใด จงมองพระเจ้าและก้าวต่อไป พระองค์จะทรงนำคุณท่ามกลางปัญหาและในที่สุดปัญหาจะสิ้นสุดลง และคุณจะมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ

คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ:
พระบิดาเจ้า ลูกจะนิ่งเสีย
และรู้ว่า พระองค์คือพระเจ้า
ลูกจะเชื่อและไม่กลัว
ลูกจะก้าวต่อไปกับพระองค์
ไม่ว่าลมจะแรงเพียงใด
เพราะลูกมั่นใจว่าอีกไม่นานลมจะสงบลง
ลูกสรรเสริญพระองค์
ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน